ทำไมถึงต้องใช้เทคโนโลยี 5G ??
เทคโนโลยี 5g อาจจะได้ยินกันมาซักพักใหญ่ๆแล้วสำหรับ 5G ที่เข้ามามีบทบาทในระบบเครือข่ายไร้สายที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ไม่เพียงแต่ใช้ในการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่นเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านวิดีโอคอล ไม่ว่าจะ Facetime หรือ Line ก็จะเป็นแบบเรียลไทม์มากขึ้น ไม่ดีเลย์หรือเกิดสัญญาณขาดหายระหว่างการใช้วิดีโอคอล ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้มีการถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และทำให้สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ไวกว่าตอนใช้ 4G อีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ประเทศไทยของเราก็ได้เข้าสู่ เครือข่ายไร้สายยุคที่ 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
5G คืออะไร ?
5g คือ Generation 5G เป็นเจเนอเรชั่นการสื่อสารด้วยมือถือในยุคที่ 5 ที่เป็นการสื่อสารแบบไร้สาย ซึ่งมีประกาศใช้จริงๆตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2020 แล้ว แต่ไม่ได้ถูกใช้งานเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่เรียกกันว่า ioT มาจาก Internet of Things นั่นเอง โดยปกติแล้วการพัฒนาเครือข่ายสัญญาณการสื่อสารแบบไร้สายทุกๆ 10 ปี ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีอื่นๆได้อย่างหลากหลาย เรียกได้ว่าเข้ามาพลิกโฉมวงการเทคโนโลยีการสื่อสารเลยทีเดียว
ก่อนจะมาเป็น 5G มีอะไรมาแล้วบ้าง
เชื่อว่าหลายๆคนก็คงได้ใช้อินเตอร์เน็ตกันมาหลายรุ่นแล้วตั้งแต่ 3G 4G มาจนถึง 5G ที่เป็นยุคสัญญาณไร้สายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะไม่ได้มีเพียงแค่การใช้สื่อสารกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่ยังมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆได้อีกด้วย มาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละยุคมีอะไรบ้าง
- 1G : ปีค.ศ. 1980 ระบบโทรศัพท์มือถือยุคแรกเริ่ม 1G เริ่มถูกใช้งานผ่านสัญญาณ Analog ระบบนี้มีความเร็วในการสื่อสารที่ต่ำและมีข้อจำกัดในการให้บริการคือสามารถส่งผ่านได้แค่เสียงเท่านั้น จึงพบเทคโนโลยีนี้ในโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว
- 2G : เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งมีการพัฒนาในเรื่องของความเร็วและประสิทธิภาพในการสื่อสารมากขึ้น ใช้คลื่นไมโครเวฟในการส่งสัญญาณมีการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลและมีการนำเข้าระบบ SMS (Short Message Service) และในยุคนี้โทรศัพท์ก็เริ่มพัฒนาแบบมีหน้าจอเพื่อให้แสดงผลข้อความได้อีกด้วย
- 3G : เป็นยุคเริ่มต้นในการบีบอัดข้อมูลเพื่อให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา และสามารถส่งข้อมูลได้ทั้งภาพ เสียง ข้อความ คลิปวิดีโอ
- 4G : เริ่มใช้ในปี ค.ศ.2009 มีการพัฒนาในเรื่องของความเร็วสูง และพัฒนาเรื่องของอุปกรณ์รับและส่งข้อมูล เป็นยุคทองของโทรศัพท์มือถือ (Smart Phone) เลยทีเดียว และเป็นยุคที่โซเซียลมีเดียเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
- 5G : 5g ย่อมาจาก 5th Generation ที่เป็นยุคล่าสุดของเครือข่ายไร้สาย เริ่มเมื่อปี ค.ศ. 2020 ซึ่ง ความเร็ว 5g บอกเลยว่าเป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง อีกทั้งยังเป็นบุคที่อุปกรณ์การสื่อสารพัฒนากันอย่างก้าวกระโดด ทำให้มีการรับ-ส่งข้อมูลกันได้ไว และยังใช้กันในอุปกรณ์อื่นๆนอกจากโทรศัพท์อีกด้วย
ความแตกต่างระหว่าง 4G และ 5G
แน่นอนว่าทุกๆการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีสิ่งที่แตกต่างจากเดิมอย่างแน่นอน 4g vs 5g มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เรื่องไหนที่พัฒนาขึ้นมาจนโดดเด่นและน่าสนใจกว่าสมัย 4G
- จำนวนผู้ใช้งาน : สำหรับ สัญญาณ 5g มีความครอบคลุมมากกว่า 4G เรียกได้ว่าครอบคลุมแบบเป็นวงกว้าง ในพื้นที่ที่เท่ากัน จะมีผู้ที่สามารถใช้งานเครือข่าย 5G ได้มากกว่า 4G หลายเท่า
- ความเร็ว : แน่นอนว่าสัญญาณ 5G มีความเร็วกว่า 4G อยู่แล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ 5G มีความเร็วกว่า 4G 10 เท่า ทำให้สามารถดูหนังหรือดูซีรี่ส์ด้วยความละเอียดแบบ 4K ได้ แต่ 4G อาจจะได้แค่เพียง Full HD เท่านั้น
- Smart City : การใช้อินเตอร์เน็ต 5G สามารถขับเคลื่อนเมืองให้ไปสู่เมืองอัจฉริยะได้ เช่นการใช้กับเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์ และอุปกรณ์ Inthenet of Things อื่นๆได้มากถึง 100,000 เครื่องต่อพื้นที่1 ตารางกิโลเมตร
ประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G
เทคโนโลยี 5G ไม่ได้มี ประโยชน์ของ 5g เพียงแค่ใช้งานอินเตอร์เน็ตๆด้รวดเร็วมากขึ้น แต่ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมาย หากใครที่ยังไม่รู้ว่า เทคโนโลยี 5g มีอะไรบ้าง วันนี้เราจะมายกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆกันว่าเทคโนโลยีที่เรามี สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
- รถยนต์ไร้คนขับ : นับว่าเป็นอีกหนึ่งการ การประยุกต์ใช้5g ที่มีประโยชน์ เป็นอีกก้าวของการพัฒนา ทำให้เจ้าของรถสามารถสั่งการรถได้แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กับตัวรถ ทำให้เกิดการตอบสนองกับผ่านการใช้ 5G
- การจราจร : มีการอัพเดตแบบเรียลไทม์มากขึ้น สามารถระบุตำแหน่งและเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานได้ ทำให้สามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายมากขึ้น
- Telemedicine : หนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพทางไกลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการดูแลตัวเองถึงแม้จะไม่ได้มาโรงพยาบาลหรืออยู่ที่บ้าน เพื่อให้สามารถตรวจพบโรคได้ไว และเพื่อลดจำนวนคนไข้ที่มาหาที่โรงพยาบาลได้เช่นกัน
- Streaming : บอกเลยว่าถ้าใช้ 5G ในการถ่ายทอดสด สัญญาณภาพ เสียงที่ส่งข้อมูลออกไปไม่สะดุดแน่นอน ทำให้มีความราบรื่นในระหว่างการใช้งาน ทำให้ทั้งผู้ที่สตรีมมิ่งสามารถสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างเรียลไทม์
- แจ้งเหตุ : ในหลายๆประเทศเลือกใช้การแจ้งเหตุภัยพิบัติผ่าน SMS โทรศัพท์กันอย่างเป็นวงกว้าง ทำให้ได้รับการแจ้งเตือนแบบ Real-Time บอกเลยว่ามีประโยชน์มากทีเดียว
Credit : Blogtechtoday
บทความที่คุณอาจสนใจ : มือถือHonor