Cloud Computing คือ ระบบอะไร ?
หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบคลาวด์มาบ้างแล้ว ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทำการเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งอาจจะใช้ผ่านทางเว็บบราวเซอร์หรือแอพลิเคชั่น ซึ่ง cloud computing คือ หนึ่งในการให้บริการผ่านคลาวด์ เป็นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กับการจัดการข้อมูล เพื่อให้ผู้เข้าใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ต จึงทำให้ คลาวด์คอมพิวติ้ง มีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า เพราะเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ทางระบบนี้จะมี Cloud Server ที่มีความซับซ้อน เหมือนกับชื่อเรียกภาษาไทยที่เรียกว่า การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ มีความเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ได้หลายเครื่อง มีความเสถียรมากกว่า จึงเริ่มทำให้หลายๆองค์กรเริ่มนำมาใช้มากขึ้นในปัจจุบัน
ประเภทของ cloud computing
สำหรับคลาว์คอมพิวติ้งมีหลากหลายประเภท ใครที่ยังไม่รู้ว่า cloud computing มีอะไรบ้าง มาดูกันได้เลยว่าแต่ละประเภทมีอะไร และมีความแตกต่างในการใช้งานกันอย่างไร ดังนี้
- Private Cloud : ซึ่ง private cloud คือ ระบบภายในองค์กรที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากที่สุด มีความปลอดภัยสูง สามารถให้ผู้ดูแลระบบติดตั้งระบบความปลอดภัยและคอยดูแลให้ได้ เพื่อให้ข้อมูลที่มียังคงปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดนั่นเอง นิยมใช้เฉพาะภายในองค์กร
- Public Cloud : เป็นระบบการใช้งานคลาวด์แบบมาตรฐานที่สามารถพบกันได้ทั่วไป ซึ่งผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ทั้งผ่านแอพลิเคชั่นหรือเว็บบราวเซอร์ แต่หากต้องการเข้าถึงข้อมูลของคนอื่น ต้องมีการได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น
- Hybrid Cloud : เป็นหนึ่งในระบบที่มีคุณภาพดีมากที่สุด และหลายๆที่นิยมใช้ เพราะ hybrid cloud คือ การทำข้อมูลของแต่ละคนมาแชร์กันเฉพาะส่วนที่ต้องการจะแชร์ เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันได้นั่นเอง
เพราะอะไรเทคโนโลยีนี้ถึงได้รับความนิยม ?
cloud computing เรียกได้ว่ามีความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและการใช้ส่วนตัว เราได้รวบรวมเหตุผลและ ข้อดีของ cloud computing ที่ทำให้ระบบนี้ได้รับความนิยมมาแล้ว ดังนี้
- ควบคุมงบได้ – จ่ายเท่าที่ต้องการ เพื่อเลือกการให้บริการที่เหมาะสมกับการใช้งานเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายจำนวนเยอะๆ
- เข้าถึงได้ง่าย – ใช้บริการจากที่ไหนก็ได้บนโลก แค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ง่ายต่อการทำงานระยะไกล
- มีมาตรฐาน – ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบ ทำให้มีความปลอดภัย
- เพิ่มและลดปริมาณคลาวด์ได้ – เนื่องจากเป็นการจ่ายเท่าที่ต้องการใช้ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมการใช้งานได้ตามที่ต้องการ
- อัพเดตข้อมูลอัตโนมัติ – มีทางทีมงานที่คอยดูแลทั้ง Hardware และ Software ให้ตลอดเวลา จึงวางใจได้เลยว่าข้อมูลจะปลอดภัย
หน้าที่ของ cloud computing
บริารหลักๆและหน้าที่ หน้าที่ของ cloud computing ได้แก่
- การให้บริการอินฟราสตรัคเตอร์ (Infrastructure as a Service – IaaS): ให้บริการทรัพยากรพื้นฐานด้าน IT อย่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เครื่องจักรเสมือน (virtual machines) และทรัพยากรเครือข่าย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดการพื้นฐานทางเทคนิคได้ตามต้องการของพวกเขา
- การให้บริการแพลตฟอร์ม (Platform as a Service – PaaS): ให้บริการแพลตฟอร์มที่ใช้ในการพัฒนาและดำเนินแอปพลิเคชัน รวมถึงเฟรมเวิร์กและเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น
- การให้บริการซอฟต์แวร์ (Software as a Service – SaaS): ให้บริการซอฟต์แวร์ที่สามารถเข้าถึงผ่านเว็บบราวเซอร์หรือแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องติดตั้งหรือดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้
ธุรกิจแบบใดที่ใช้คลาวด์บ้าง ?
ตอนนี้ทุกคนคงนึกออกกันแล้วว่า cloud computing ใช้เพื่ออะไร หรือ cloud computingคืออะไร ธุรกิจที่ใช้จริงๆมีตั้งแต่ภาครัฐและเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เพราะเป็นระบบที่ทำให้มีความสะดวกสบายในการทำงานมากขึ้น แถมยังมีความยืดหยุ่นสูง ค่าใช้จ่ายก็สามารถคุมงบได้ จึงทำให้สามารถนำงบในส่วนนี้ไปทำส่วนอื่นๆได้อีกมากมาย นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากทีเดียวสำหรับภาคธุรกิจต่างๆ
Credit : Blogtechtoday
บทความที่คุณอาจสนใจ : Blogchain คือ
บทความที่เกี่ยวข้อง : machine learning คือ