นวัตกรรม Fast Charge มีมานานแค่ไหนแล้ว ?
สำหรับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี fast charge เริ่มมีมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 ซึ่งวงการแรกที่ผลิตออกมาก็คือ วงการโทรศัพท์มือถือนั่นเอง เพื่อให้ใช้เวลาในการชาร์จไฟสั้นลง แต่แบตเตอรี่เต็มเร็วขึ้น ฟาสชาร์จ ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Notebook Laptop ต่างๆ รวมถึงในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยี supercharger ที่ทาง Tesla คิดค้นมาเพื่อการชาร์จรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ การพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอย่างมาก เพราะจะได้ใช้อุปกรณ์ได้ไวขึ้น ระยะเวลาในการชาร์จสั้นลงอีกด้วยนั่นเอง
เทคโนโลยี Fast Charge ที่นิยม
จริงๆแล้วเทคโนโลยีการ ชาร์จเร็ว มีหลากหลายรูปแบบมาก เนื่องจากหลายๆแบรนด์มือถือต่างก็พัฒนารูปแบบของตัวเองขึ้นมา เพื่อให้สามารถขึ้นมาเป็นคู่แข่งในตลาดกันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ วันนี้เราเลยจะมารวบรวมเทคโนโลยีนี้ในหลายๆแบรนด์กันว่ามีชื่อเรียกอะไร และมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง
- FastCharge – fastcharge คือ การอธิบายถึงเทคโนโลยีการชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยความรวดเร็วมากขึ้น ใช้ระยะเวลาการรอลดลง ซึ่งไม่ได้ระบุหรือเจาะจงบริษัทแต่อย่างใด
- quick charge – เป็นชื่อเรียกเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ของ Qualcomm ที่ใช้กับชิปเซ็ตและอุปกรณ์มือถือที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon โดยเฉพาะ อาทิแบรนด์ LG Xiaomi ASUS ซึ่งรุ่นล่าสุดมีความสามารถการให้พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 100 W และรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายอีกด้วย
- Power Delivery – pd charger คือ มาตรฐานการชาร์จและการส่งพลังงานผ่านสาย USB ที่พัฒนาโดยองค์กร USB Implementers Forum (USB-IF) ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและสนับสนุนมาตรฐาน USB ให้กับอุปกรณ์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่เพียงแค่ใช้กับโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว
- Huawei SuperCharge : เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่อย่างรวดเร็วที่ถูกพัฒนาและใช้งานโดยบริษัท Huawei Technologies Co., Ltd. เป็นพิเศษสำหรับอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ผลิตโดย Huawei โดยเฉพาะ สามารถชาร์จเกิน 50% ได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 30 นาทีอีกด้วย
- Oppo Flash Charge : หรืออีกชื่อ คือ VOOC Flash Charge มีความสามารถในการชาร์จไฟฟ้าจาก 0-75% ได้ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 30 นาที และมีความสามารถในการรักษาอุณหภูมิของอุปกรณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอีกด้วย
- Xiaomi HyperCharge : เป็นเทคโนโลยี ฟาส ชาร์จ ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อสมาร์ทโฟนตระกูล M โดยเฉพาะ โดยทางแบรนด์บอกว่าหากต้องการชาร์จแบตให้ถึง 100% ใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้น
เทคโนโลยีฟาสชาร์จทำลายแบตเตอรี่หรือไม่ ?
เป็นคำถามที่พบบ่อยสำหรับวงการเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก เพราะโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ดังนั้นการจะถนอมแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือก็จะยิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานให้ออกไปได้อีกนาน สำหรับคำถามนี้คงต้องตอบว่ามีโอกาสที่จะทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เสื่อมลงได้ เพราะเป็นการเน้นชาร์จประจุไฟเข้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เครื่องร้อนมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งจะลดคุณภาพของแบตเตอรี่ได้ ซึ่งแตกต่างจากการชาร์จช้าที่กระแสแอมป์น้อย เพราะมีผลดีกับตัวแบตเตอรี่มากกว่า
ในทางที่ดี หากต้องการใช้เทคโนโลยีการชาร์จเร็วควรหาอุปกรณ์ที่รองรับทั้งตัวอะแดปเตอร์และ สายฟาสชาร์จ เพื่อให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ของคุณ และต้องหาอุปกรณ์เสริมอย่าง powerbank fastcharge ที่ได้มาตรฐาน เพื่อไม่ให้อายุงานแบตเตอรี่สั้นลงนั่นเอง
วิธีการถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่
- เลือกใช้ฟาสชาร์จที่ถูกต้อง: ให้เลือกใช้ฟาสชาร์จที่ได้รับการรับรองหรือผลิตโดยผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์ของคุณ อย่างเช่น หัวชาร์จไอโฟน 20w อาจจะไม่ได้เหมาะกับโทรศัพท์ทุกรุ่น ต้องดูให้ดีความโทรศัพท์ของคุณมีความจุแบตเท่าไหร่
- เก็บอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม: อุณหภูมิสูงอาจทำให้อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่อยู่ภายในระบบไฟฟ้าไประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส การเก็บอุปกรณ์ในที่ที่อุณหภูมิเย็นดีกับอุปกรณ์มากกว่า หลีกเลี่ยงการเก็บอุปกรณ์ในที่ที่อุณหภูมิสูง
- หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ขณะที่ชาร์จ: การใช้อุปกรณ์ขณะที่กำลังชาร์จอาจทำให้อุปกรณ์อยู่ในสถานะที่ร้อนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปกรณ์และแบตเตอรี่
Credit : Blogtechtoday
บทความที่คุณอาจสนใจ : iot คือ
บทความที่เกี่ยวข้อง : deepfake คือ