smart city เมืองอัจฉริยะ คืออะไร ?
smart city หรือ ระบบ เมืองอัจฉริยะ มีแนวคิดที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมือง และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองโดยใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อทำให้การใช้งานทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีรูปแบบเทคโนโลยีในหลายๆรูปแบบที่จะเข้ามาขับเคลื่อนเมืองธรรมดาๆให้กลายเป็น เมืองในอนาคต ที่จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ทุกเพศทุกวัยอย่างเท่าเทียมกัน และปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แนวคิดนี้สามารถประสบความสำเร็จได้ก็คือการใช้เครือข่าย 5G เข้ามาช่วยขับเคลื่อนโครงการนี้ให้เป็นเทคโนโลยีแบบไร้สายได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ มาดูกันเลยดีกว่าว่าการจะเป็น Smart Cities ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
องค์ประกอบของ smart cites มีอะไรบ้าง ?
สำหรับองค์ประกอบของ เมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน ถูกแบ่งออกเป็นด้านต่างๆเพื่อให้เกิดการจัดการที่เหมาะสม ซึ่งมีทั้งหมด ดังนี้
- พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) – เป็นการส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือสื่อการเรียนรู้ต่างๆเพื่อพัฒนาทักษะให้ตนเองได้อย่างเท่าเทียม
- เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) – พัฒนาให้กลายเป็นเมืองที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ต้นทุนลดลงแต่มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเหมือนเดิม ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
- สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) : มีการออกแบบการดูแลสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุด การเฝ้าระวังภัยพิบัติ สภาพอากาศด้วยระบบเทคโนโลยี
- พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) : เน้นการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น อาทิ พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานไฟฟ้า ทดแทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
- การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) : มุ่งเน้นให้เมืองหรือสังคมโดยรอบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทำให้เกิดความสะดวกสบายหรือความปลอดภัยก็ตาม
- การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) : ขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ราคาเข้าถึงได้และมีความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
- การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) : ทำให้ประชาชนเห็นถึงขั้นตอนการทำงานที่โปร่งใสของภาครัฐ เพื่อที่จะสามารถติดตามความคืบหน้าของงานหรือร่วมกันแสดงความคิดเห็น
อะไรคือข้อดีของเมืองอัจฉริยะ ?
จากหัวข้อด้านบนที่เกี่ยวกับ smartcity 7 ด้าน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแต่ละด้านที่แตกต่างกันออกไป แต่สุดท้ายแล้วก็มุ่งเน้นเพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองให้เป็นไปในรูปแบบที่ยั่งยืน ปลอดภัย ประชาชนสะดวกสบายและลดการใช้งบประมาณ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าหากทำได้ จะมีข้อดีมากมายดังต่อไปนี้
- เพิ่มความสะดวกสบาย – ประชาชนได้รับความสะดวกสบายจากทุกๆด้าน มีนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อบุคคลพิเศษทั้งด้านการขนส่งสาธารณะ ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต การเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้ง่ายขึ้น
- ลดค่าใช้จ่าย : การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เป็น เมือง ใน อนาคต หากทำตามแผนที่วางไว้แล้วจะสามารถใช้ได้ในระยะยาว จึงลดค่าใช้จ่ายได้
- ลดมลพิษ : เนื่องจากมีแนวคิดในการใช้พลังงานสะอาด จึงทำให้มีแนวโน้มจะลดมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดขึ้น อาทิ Pm 2.5
- เข้าถึงได้ ตรวจสอบได้ : การดำเนินงานของหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ประชาชนสามารถรับรู้ได้ เพื่อความโปร่งใสในการทำงานและการตรวจสอบข้อมูล
ประเทศไทยมี Smart Cities แล้วหรือยัง ?
ถ้าจะพูดถึง smart-city thailand แล้วจะให้ยก ตัวอย่าง smartcity ในไทย ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ จังหวัดขอนแก่น เพราะมีการนำร่องทางด้านขนส่งสาธารณะภายในตัวจังหวัด ที่มีให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง จริงๆแล้วเป็นโครงการนำร่องที่มีชื่อว่า โครงการขอนแก่น Smart City(ระยะที่ 1) ซึ่งมีสายการเดินรถทั้งหมด 5 สายด้วยกัน เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มทุนเอกชนที่มีความรู้และความสามารถในการออกแบบพัฒนาเมือง เพื่อให้เมืองขอนแก่นมีความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น และตอบโจทย์ของต่อการขยายของเมืองที่รวดเร็ว ซึ่งทำให้มีปัญหาเรื่องการขนส่งสาธารณะ การมีโครงการนี้ก็เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นนั่นเอง
Credit : Blogtechtoday
บทความที่คุณอาจสนใจ : Biometric คือ
บทความที่เกี่ยวข้อง :